Japayatri Yoga Japayatri Yoga
Menu
  • Home
  • Yoga
    • ทฤษฏีโยคะ
      • Ashtanga (8 limbs)
      • Chakaras
      • Maya Koshas
      • Mudra Bandha
      +
    • การหายใจ
    • ชุดท่าฝึก
      • ชุดกำลังแขน ( Arm balance)
      • ชุดความแข็งแรงกล้ามเนื้อโครงสร้าง(Core strengthening)
      • ชุดท่ากลับหัว (Inversions)
      • ชุดท่านั่ง (Seat poses)
      • ชุดท่ายืน (Standing + Balancing poses)
      • ชุดท่าเปิดไหล่ (Shoulder opener)
      • ชุดบริหารคอ (Neck retreat)
      • ชุดบิด(Twisting pose)
      • ชุดเปิดสะโพก(Hip opener)
      • ชุดแอ่นหลัง( Backbend)
      • ชุดไหว้พระจันทร์(Chandranamaska)
      • ชุดไหว้พระอาทิตย์ (Sun Salutation)
      +
    +
  • บทความ
    • Yoga Journal Thailand
    • บทความของเรา
    • หนังสือพิมพ์
    +
  • About Us
    • วัตถุประสงค์
    • ครูปอนด์
    • ครูเจี๊ยบ
    • มุมมองของครูปอนด์กับครูเจี๊ยบ
    +
  • ข่าวสาร
  • สื่อการสอน
    • Media
    • ทีวี
    • โพสต์ทุเดย์
    +
  • Contact Us

Pay attention to our feet (3) : Pada Bandha

HomeBlogบทความPay attention to our feet (3) : Pada Bandha
23 ส.ค.

By admin

No Comments

In บทความ, บทความของเรา, หนังสือพิมพ์

Pay attention to our feet (3) : Pada Bandha

ขาชิดหรือขาแยกดี ? ทุกๆคนสามารถวางตำแหน่งเท้าให้ขนานกันได้รึเปล่า ?

รูป 1

ตำแหน่งของการวางเท้าที่ขนานกัน ความกว้าง ความแคบ ของขาและเท้าทั้ง 2 ข้างมีผลต่อการส่งพลังงานขึ้นไปหาร่างกายส่วนบนทั้งหมดเพราะเท้าคือจุดเริ่มต้น Pada Bandha เมื่อเราวางฝ่าเท้าลงบนเสื่อให้แน่ใจว่าเราแยกนิ้วเท้าออกจากกันการลงน้ำหนักมากสุดให้ลงที่ 3 จุดหลักของฝ่าเท้า (อ่านย้อนหลังได้จากตอนที่ 1) สำหรับวันนี้ครูจะคุยเรื่องการวางเท้าให้ขนานกัน (feet parallel)และการแยกขาควรกว้างแค่ไหน เมื่อเราฝึกอาสนะกลุ่มท่ายืน เริ่มต้นให้สำรวจตัวเองจากท่าภูเขา (Tadasana ) โดยไล่จากฝ่าเท้า แยกความกว้างของขาให้รู้สึกสบายเท่ากับความกว้างของแนวสะโพกเท้าไม่ต้องชิดกัน (ดูตัวอย่างจากภาพที่ 1) เพราะการยืนชิดกันสำหรับบางคนอาจทำให้เจ็บข้อเท้าแล้วรู้สึกไม่สบายแถวสะโพก บางคนก็เสียการทรงตัวแต่ว่าหากจะให้ชิดติดกันเลยก็ไม่นับว่าผิด ยกตัวอย่างเช่น สำหรับคนที่ฝึกสไตล์อัษฏางค แบบดั้งเดิมจะให้วางชิดกันเพื่อให้เกิดการติดต่อกล้ามเนื้อต้นขาด้านในและหน้าท้องแล้วก็เพราะว่าสไตล์นี้ในสมัยก่อนกลุ่มคนที่ฝึกส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอินเดียที่ตัวผอมมากๆ ในยุคนั้นผู้หญิงแทบจะไม่มีโอกาสได้ฝึกจึงเป็นการดาดเดา(เอาเอง)ว่าสามารถยืนขาชิดกันได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร ในขณะเดียวกันสไตล์ไอเยนการ์จะให้ยืนแยกเท้าเท่ากับความกว้างของสะโพก (hip’s width )เพื่อช่วยในการทรงตัวดังนั้นนักเรียนลองสำรวจตัวเองดูว่าแบบไหนรู้สึกสบายส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีสะโพกการยืนเท้าไม่ชิดติดกัน แยกขาออกแบบพอดีๆ หรือเท่ากับความกว้างสะโพกจะรู้สึกมั่นคงและไม่ขัดตามข้อต่อมากกว่าซึ่งเวลาครูสอนก็จะแนะนำแบบนี้เช่นกัน (เมื่อคุณฝึกสไตล์อื่นๆให้เคารพครูผู้สอนแล้วเลือกทำตามคำแนะนำของคุณครูหากทำแล้วไม่สบายให้ปรึกษาคุณครูเป็นการส่วนตัวเพราะสไตล์การฝึกที่ต่างกันมีวิธีการและเหตุผลเบื้องหลังที่ต่างกัน) อย่างเช่นการทำท่าเก้าอี้จะมีทั้งแบบขาแยกและขาชิดแล้วมันต่างกันอย่างไร ไว้ครูจะคุยประเด็นนี้แยกออกมาเมื่อมีโอกาส

รูป 2

ในส่วนของการวางเท้าให้ขนานกัน ก็คือตำแหน่งของปลายนิ้วเท้าทั้งซ้ายและขวาเท่ากันไม่เหลื่อมล้ำกันคือชี้ตรงไปด้านหน้าหากเอาไม้บรรทัดมาวัด (ดูตัวอย่างจากภาพที่ 2) แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถวางตำแหน่งเท้าให้ขนานกันด้วยการชี้นิ้วเท้าไปด้านหน้าให้ตรงได้แล้วจะรู้สึกสบายเนื่องจากรูปลักษณะของขาที่ผิดรูปซึ่งเป็นโครงสร้างของกระดูกต้นขาอาจทำให้รู้สึกเจ็บได้ถ้าพยายามฝืนให้ขาขนานกับเป๊ะๆ เพราะบางคนขาโก่งมาก บางคนโก่งน้อย (ดูตัวอย่างจากภาพที่ 3) อ้างจากข้อมูลและภาพองศากระดูกต้นขาจาก Paul Grilley ดูภาพที่ 3 เป็นรูปกระดูกหน้าแข้ง Tibia ด้านขวาของคน 2 คน ด้านขวามีการบิด 12 องศา (ส่งผลให้ตำแหน่งเท้าธรรมชาติมีโอกาสปรับเท้าให้ชี้ตรงได้ง่าย) ส่วนอันซ้ายบิด 26 องศา เมื่อวัดจากค่าเฉลี่ยการบิดของประชากรส่วนใหญ่องศาการบิดจะอยู่ที่ 14-46 องศาโดยประมาณ ยิ่งมีการบิดมากๆตำแหน่งเท้าตามธรรมชาติของคนๆนั้นก็จะชี้ออกด้านนอกมากขึ้น (นอกจากนี้ผลการเก็บค่าเฉลี่ยของงานวิจัยการบิดของกระดูกหน้าแข้งของคนๆเดียวกันระหว่างขาซ้ายกับขาขวาของบางคนมีค่าไม่เท่ากันในแต่ละข้าง)

รูป 3

เมื่อองศาการบิดของกระดูกที่แตกต่างส่งผลให้ตำแหน่งของเท้าที่เป็นธรรมชาติต่างกันจึงต้องปรับตำแหน่งเท้าด้วยการหมุนเข้าหรือออกตามแนวกระดูกไม่เพียงแต่กระดูกหน้าแข้งที่เป็นปัจจัยแต่ยังมีตัวแปรของโครงสร้างกระดูกชิ้นอื่นๆอีกด้วยเพราะการพิจารณาโครงสร้างกระดูกจะต้องดูทั้งขาไม่ว่าจะเป็นกระดูกต้นขาและตำแหน่งของข้อต่อสะโพกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยดังนั้นหากเรามีการบิดผิดปรกติของกระดูกในองศาที่มากๆการปรับตำแหน่งนิ้วให้ชี้ตรงและขนานกันอาจทำให้รู้สึกขัดข้อต่อและไม่สบายก็ต้องปรับเท้าหมุนเข้าหรือหมุนออกนิดหน่อยเพื่อให้รู้สึกไม่ขัดไม่เพียงแต่ในท่ายืนท่ายืนภูเขาหรือท่าเก้าอี้เท่านั้นแต่หมายรวมถึงอีกหลายๆท่าอาสนะในการวางฝ่าเท้าอย่างในท่านอนหงาย ท่าสะพานโค้ง และอีกหลายๆท่าเช่นกันดังนั้นครั้งต่อไปหากเราเริ่มสังเกตกระดูกขาของเราแล้วเมื่อจัดระเบียบขา จงหาให้เจอว่าเป็นแบบไหนที่ทำแล้วไม่รู้สึกขัด

รูป 4

ทีนี้เราจะมาลองฝึกท่าอาสนะกันแล้ววัดความมั่นคงความสบายในท่าอาสนะจากการจัดระเบียบเท้าอันที่จริงมีการจัดระเบียบร่างกายส่วนอื่นๆด้วยในการทำท่าที่สมบูรณ์ทั้งการเก็บหางแบบพอดี การยืดซี่โครง อกขยาย และอื่นๆ แต่วันนี้ครูจะโฟกัสอธิบายแต่เรื่องเท้าก็ให้น้ำหนักแต่เรื่องนี้ก่อน โดยท่าที่จะให้ลองฝึกคือท่ายืนแอ่นหลังซึ่งเรามักจะฝึกขณะเริ่มต้นไหว้พระอาทิตย์ (Anuvittasana) ซะส่วนใหญ่ (ดูตัวอย่างจากภาพที่ 4) การจัดการเท้าอย่างเป็นธรรมชาติตามหลักของ Pada Bandha หาจุดสมดุลของตัวเองให้เจอแล้วพลังที่เราส่งจากการจัดเท้าจะส่งผลให้เราสามารถควบคุมการใช้งานกลุ่มมัดกล้ามเนื้อ (engage) ตั้งแต่ข้อเท้า หน้าขา เชิงกรานไล่ไปจากด้านล่างสู่ด้านบนได้อย่างมั่นคงขึ้น ดีขึ้น จากนั้นลองฝึกท่ายืนแอ่นหลังดูควรมีการคลายท่าหรือการแก้ท่าด้วยการก้มพับตัวไปด้านหน้า (counter poses) ด้วยแล้วฉบับหน้ามาว่ากันต่อเรื่องเท้า

CR.ขอขอบคุณภาพเขียนสีน้ำแนวอาร์ตจากคุณเจน  Jane Jiit (Watercolor) , IG : janewaterblog

KRIYA © 2016. Made by DesignThemes.